วันครูวิชชาธรรมกาย :: Dhammakaya Foundation & Wat Phra Dhammakaya : World Peace through Inner Peace using Meditation Practice  

 

วันครูวิชชาธรรมกาย

วันครูวิชชาธรรมกาย 18 กันยายน 2548

วันแห่งการเข้าถึงธรรมกาย

บัดนี้ วันเวลากำลังเวียนมาถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 10 ซึ่งในปี พุทธศักราช 2548 นี้ตรงกับวันที่ 18 กันยายน อันเป็นคล้ายวันแห่งการเข้าถึงธรรมกายของหลวงปู่วัดปากน้ำ(พระมงคลเทพมุนี) เมื่อกว่า 88 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจากวันนั้นจนถึงบัดนี้ วิธีการปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงธรรมกายแห่งองค์พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้แผ่ขยายไปทั่วโลก และเมื่อบุคคลใดได้พิสูจน์ ด้วยการประพฤติปฏิบัติจนสามารถเข้าถึงธรรมกายแล้ว ย่อมจะตระหนักในคุณค่าแห่งพระรัตนตรัย เพราะการเข้าถึงธรรมกาย คือสิ่งที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นถึงแก่นแท้แห่งพระธรรม

วันของพระพุทธเจ้า

เมื่อครั้งสมัยพุทธกาล ในยามสุดท้ายของวันพุธ ขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ปีระกา ก่อนพุทธศักราช 45 ปี พระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญเพียรทางจิต ตามเส้นทางสายกลาง จนตรัสรู้พระอริยสัจจธรรม กล่าวได้ว่าเมื่อครั้งพระองค์ประสูตินั้น ถือเป็นการบังเกิดขึ้นของรูปกาย แต่บัดนี้พระองค์ตรัสรู้แล้วจึงเป็นการเกิดครั้งที่ 2 เรียกว่าเกิดขึ้นด้วยธรรมกาย ธรรมกายได้อุบัติขึ้นแล้วบนโลกมนุษย์ และหลังจากนั้นอีก 45 พรรษา พระพุทธองค์ได้ดำเนินพุทธกิจเพื่อพาชาวโลกทั้งหลาย ให้เข้าถึงธรรมกายเช่นเดียวกับพระองค์ แม้จนปัจจุบัน การนำพาชาวโลกเพื่อเข้าถึงธรรมกายได้เป็นภาระหน้าที่ของพระสงฆ์สาวก ซึ่งบุคคลผู้มีบุญบารมีและเวไนยสัตว์ที่พึงจะสั่งสอนได้ เมื่อได้ประพฤติปฏิบัติตามและเห็นผล จึงต่างมุ่งที่จะน้อมถวายสักการะบูชาคุณอันยิ่งใหญ่ของพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (หลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ) ผู้ที่ได้สืบทอดนำคำสอนอันสูงค่าขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ออกสู่ชาวโลกให้รู้จักกับคำว่าธรรมกาย

รูปกายและธรรมกายแห่งพระพุทธองค์

แม้รูปกาย อันได้แก่พระพุทธสรีระแห่งพระพุทธองค์จะสิ้นสลายไปแล้ว แต่ธรรมกายนั้นยังคงอยู่จนปัจจุบัน ดังนั้นคำว่า"ธรรมกาย"เป็นสิ่งที่มีมาแล้วแต่สมัยพุทธกาล ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกอยู่หลายแห่ง แต่การปฏิบัติให้เข้าถึงธรรมกายนั้น ยังเป็นสิ่งที่ไม่มีการอธิบายให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง จนกระทั่งหลวงปู่วัดปากน้ำท่านได้ปฏิบัติจนรู้วิถีทางที่จะเข้าถึงธรรมกายได้ ท่านจึงได้ชื่อว่าเป็น"ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย" พร้อมทั้งเอาแนวการปฏิบัติเพื่อการเข้าถึงธรรมแห่งองค์พระศาสดามาเผยแผ่แก่ชาวโลกในยุคปัจจุบัน ซึ่งกล่าวกันว่าวิธีการปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงธรรมกายนั้น สามารถปฏิบัติได้ไม่จำกัดภูมิรู้ บางท่านอ่านหนังสือไม่ออกหรือแม้จะเป็นเด็กเล็กก็สามารถปฏิบัติเห็นจริงได้ เพราะเหตุนี้ การเผยแผ่การปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึงธรรมกายจึงเป็นที่ปรากฏอย่างแพร่หลาย และที่สำคัญคือมีคนเป็นจำนวนมากสามารถปฏิบัติตามได้ ดังนั้น หลวงปู่วัดปากน้ำท่านจึงมีศิษย์มาเข้ารับการอบรมสั่งสอนเป็นจำนวนมาก กอปรด้วยคุณธรรมและเมตตาธรรมของท่านเป็นที่ปรากฏแก่ชนทั้งหลาย แม้ท่านจะล่วงลับไปแล้ว ก็ยังมีการสอนสืบแนวปฏิบัติต่อมาอย่างไม่ขาดสาย

แบบอย่างแห่งความดีอันยิ่ง

ผู้รู้หลายท่านได้มีคำเตือนใจไว้ว่า "ตัวอย่างที่ดี มีค่ากว่าคำสอน" บางท่านก็ว่า "ธรรมใดก็ไร้ค่าถ้าไม่ทำ" เป็นต้น สิ่งนี้แสดงว่า แนวทางการปฏิบัติให้เกิดความดีนั้นยังมีอยู่ โดยมีการบันทึกลงเป็นตำรา หนังสือ หรือคัมภีร์บ้าง บางทีก็เป็นคำสอนสืบต่อๆมา แต่สิ่งเหล่านี้ยังถือว่าเป็นความรู้ หากเราไม่นำมาปฏิบัติ สิ่งดังกล่าวเหล่านั้นก็ยังคงเป็นเพียงบันทึกหรือคำเล่าขานสืบต่อกันมา จึงเป็นคำถามว่าทำอย่างไรเราจะสามารถนำสิ่งที่ดีงามนั้นมาประพฤติปฏิบัติยังประโยชน์ขึ้นได้ บางทีก็ทำให้คิดว่าต้องรอคนที่มีบุญบารมีมาพบเห็น ถึงจะมาเป็นผู้นำมาเป็นแบบอย่างให้ผู้คนเห็นคุณค่าและน้อมนำสิ่งที่ดีทั้งหลายเหล่านี้ มาประพฤติปฏิบัติให้เห็นจริง อุปมา เหมือนกับแร่ธาตุทั้งหลาย คนที่ยังไม่เห็นคุณค่าก็ดูเป็นกรวดเป็นทราย แร่ ธาตุทั้งหลายนี้ก็ยังคงฝังอยู่ใต้ดิน จนกระทั่งคนมีบุญบารมี มีความรู้ความสามารถมาพบ และเห็นคุณค่าถึงขุดนำแร่ธาตุเหล่านั้นมาถลุงหรือมาแปรรูปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตนและผู้อื่นได้ จึงเป็นข้อสรุปได้ในที่นี้ว่า แม้เราต้องการผู้รู้และเห็นคุณค่าของผู้รู้ แต่ขณะนี้เราต้องการผู้ทำให้เห็นเป็นแบบอย่าง เพราะฉะนั้นการที่เรายกย่องและบูชาหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญเป็นอย่างสูงเช่นนี้ เป็นเพราะท่านเป็นแบบอย่างแห่งความดี เป็นกำลังใจให้เรามุ่งมั่นที่จะสั่งสมบุญบารมีให้ยิ่งๆขึ้นไป เพราะท่านนอกจากจะเป็นผู้รู้แล้ว ท่านยังสามารถเป็นแบบอย่างนำการปฏิบัติจนให้เห็นผลจริงอีกด้วย รู้จริงและรู้แจ้ง มีเรื่องที่น่าคิดที่เป็นตัวอย่างของความเป็นผู้รู้และนำความรู้มายังให้เกิดประโยชน์ประการหนึ่งคือ พระทิพย์ปริญญา ซึ่งเป็นข้าราชการชั้นสูงในสมัยก่อน ท่านได้ไปปฎิบัติธรรมกับหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญและได้เขียนหนังสือบันทึกไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2489 ว่า ในสมัยนั้นมีการพิมพ์หนังสือแสดงคำถวายวิสัชนาของพระเถรานุเถระ 18 รูป ในหนังสือนั้นกล่าวถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชปุจฉาถึงเรื่อง"นิพพาน"ว่าคืออะไร พระเถรานุเถระ 18 รูป ก็ถวายความเห็นด้วยโวหารต่างๆกัน แต่ที่สุดมีพระเถระรูปหนึ่งถวายวิสัชนาหลักแหลม ท่านกล่าวว่า คำแปลของ "นิพพาน"นั้นไม่ยาก ข้อยากอยู่ที่"ทำให้แจ้ง" ท่านพูดทิ้งไว้เพียงเท่านี้ ทำให้เรามาได้ข้อคิดประการหนึ่งว่า ความรู้นั้นอาจรู้ได้ทุกคน เมื่อรู้แล้วก็สามารถจะตีความหรืออธิบายความแตกต่างกันไปตามภูมิรู้และตามความเข้าใจ แต่การนำมาปฏิบัติจริงนั้นเป็นเรื่องยาก ดังนั้น นอกจากรู้จริงและยังต้องรู้แจ้ง คือปฏิบัติได้ด้วย ถ้าปฏิบัติได้เช่นนี้ ได้ชื่อว่าเป็นบุคคลผู้สมควรได้รับการสักการะยกย่องในฐานะแห่งปูชนียาจารย์ แม้ท่านจะยังมีชีวิตอยู่หรือล่วงลับไปแล้วท่านก็เสมือนกับนั่งอยู่ในหัวใจของมหาชนอยู่เสมอ "วิชชาธรรมกาย" ก็เช่นเดียวกัน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติจนบังเกิดเห็นผลจริง และได้นำออกเผยแผ่ต่อมาโดยหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ สมัยที่หลวงปู่วัดปากน้ำท่านยังมีชีวิตอยู่ คำว่า"ธรรมกาย"ดูยังเป็นของใหม่ ยังไม่เป็นที่คุ้นหูของผู้คนเท่าใดนัก บางคนก็ไม่สนใจ แต่บางคนก็กลับคิดไปว่าหลวงปู่ท่านคิดบัญญัติขึ้นมาใหม่ เป็นการอุตริบัญญัติขึ้นใช้ตามแนววิธีการสอนของท่าน บางคนก็ว่าท่านอวดอุตริมนุสสธรรม บางคนก็พูดเหยียดหยามว่าใครอยากเป็นอสุรกายก็จงไปเรียนธรรมกายที่วัดปากน้ำ เคยมีพระมหาเถระได้ปรารภเรื่องนี้กับหลวงปู่วัดปากน้ำ หลวงปู่วัดปากน้ำท่านจึงได้กล่าวไว้ว่า “ คนเช่นเราไม่ใช่ไร้ปัญญา ชั่วก็รู้ ดีก็เห็น เราจะฆ่าตัวเราเองเพราะความปรารถนาทำไม ที่เขาพูดหาว่าเราอย่างนั้น บางคนคงจะไม่รู้จักคำว่า"ธรรมกาย" มี อยู่ที่ไหน หมายเอาใคร เขาอาศัย ความไม่รู้มาว่าเราผู้ตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เมื่อผู้ไม่รู้มาติเตียนเรา ความไม่รู้ของเขาจะลบล้างสัจจธรรมของพระพุทธศาสนาได้อย่างไร ถ้าจะลบก็ลบได้เพียงชั่วคราว ไม่ช้าดวงแก้วของพระพุทธศาสนาก็จะเปล่งรัศมีให้ผู้มีปัญญาเห็นด้วยสายตาของตนเอง ฯ ” บางครั้งความที่บางคนสบประมาทมีคนเล่าถวายท่าน ท่านก็ยิ้มรับโดยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เพียงแต่บอกว่า "น่าสงสาร พูดไปอย่างไร้ภูมิ ไม่มีที่มาเขาจะบัญญัติขึ้นได้อย่างไร" การที่หลวงปู่วัดปากน้ำ ท่านปฏิบัติธรรม เข้าถึงธรรมและเห็นธรรมแจ่มแจ้งเช่นนี้ ท่านจึงมีความองอาจและสง่างามในเวลาที่ท่านแสดงธรรม ธรรมะในคัมภีร์ต่างๆท่านสามารถชี้ให้เห็นแนวการปฏิบัติให้เกิดผลแห่งธรรมนั้น ได้ตามสมควรแก่การปฏิบัติ จึงกล่าวได้ว่าท่านสามารถเป็นแบบอย่าง และสามารถถ่ายทอดแนวการปฏิบัติได้ตามอย่างท่านเป็นอย่างดี ดังนั้น คำยกย่องสรรเสริญท่าน จึงไม่เกินเลยแห่งคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ของท่านเลย

บูชาบุคคลผู้ควรบูชา

เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จบังเกิดขึ้น ชาวโลกทั้งหลายจึงรู้ว่าพระรัตนตรัย คือที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง และการที่เราทั้งหลายร่วมกันบูชาคุณและสรรเสริญคุณของหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ (พระมงคลเทพมุนี) นั้นนอกจากจะเป็นการบูชาพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว ยังเป็นการบูชาพระธรรม อันเป็นสิ่งพิสูจน์ยืนยันว่าพระธรรมเป็นสิ่งที่ประพฤติปฏิบัติได้จริง และก่อให้เกิดความดีแก่ผู้ประพฤติปฏิบัติจริง จนบุคคลธรรมดากลายเป็นบุคคลผู้มีคุณธรรมสูงส่ง เป็นที่ยกย่องบูชากราบไหว้ของมหาชนทั่วไป และในที่สุดก็เป็นการบูชาสักการะในพระพุทธองค์ ผู้ตรัสรู้และจำแนกธรรม นำเอาความประเสริฐนี้ออกเผื่อแผ่แก่ชาวโลก ยังให้เกิดความสุขความเจริญ นำไปสู่สันติสุขอันแท้จริงแก่โลกได้ ดังนั้น การบูชาบุคคลผู้ควรบูชา และการพึ่งในสิ่งที่เป็นสรณะที่แท้ ย่อมจะยังให้เกิดประโยชน์แก่ชีวิตได้อย่างสูง สมควรค่าแห่งการได้เกิดเป็นมนุษย์ในชาตินี้อย่างแท้จริง ผู้นำบุญและกัลยาณมิตรทั้งหลายจึงได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่รู้จักบูชาบุคลผู้ควรบูชา เป็นผู้นำตนไปสู่สิ่งที่ประเสริฐ ตั้งแต่การบูชากราบไหว้พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ยังให้เกิดเห็นคุณค่าแห่งพระธรรม และน้อมนำจิตให้รำลึกถึงองค์สมเด็จพระบรมศาสดา มุ่งมั่นที่จะประพฤติปฏิบัติตามเพื่อการเข้าถึงธรรมกายภายในตนสืบต่อไป

บทความอื่นๆในหมวดนี้