ปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ “ดับไฟใต้” :: Dhammakaya Foundation & Wat Phra Dhammakaya : World Peace through Inner Peace using Meditation Practice  

 

ปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ “ดับไฟใต้”

ปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ “ดับไฟใต้” (Mission for Peace)

บทนำ

เกือบจะทุกครั้งที่เรารับชมรายการข่าวทางโทรทัศน์ วิทยุ หรือกระทั่งหนังสือพิมพ์ มีการข่าวมากมายนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ราวกับเป็นเพียงแค่การบอกให้เราได้รับรู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่มีช่องทางให้แสดงความเห็นใจกับเรื่องราวร้ายๆ เราทำได้เพียงรับรู้ และเกือบทุกครั้งที่เราทำได้เพียงถอนหายใจแล้วทอดสายตาไปทางอื่นอย่างไม่ลังเลกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ข่าวการสูญเสีย การลอบทำร้ายต่างๆในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สร้างการสูญเสียซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความเป็นปกติ รอยยิ้ม แสงสว่างยามเช้าที่พร้อมจะกระทบกับชายจีวรของพระค่อยๆหายไป เสียงปืนดังขึ้นอย่างคาดกาลเวลาไม่ได้

หากเราลองใช้เวลาคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องราวร้ายๆที่เกิดขึ้นในที่แห่งนั้น ไม่ยากเลยที่ความรู้สึกต่างๆจะพาเราไปสู่คำว่า “ความต้องการ, ความช่วยเหลือ” หลายครั้งที่เราบ่นถึงความไม่สะดวกสบายในความคับแคบในที่ที่เราอาศัย ความลำบากในการเดินทางด้วยรถยนต์เพียงเพราะแค่เกิดการจราจรติดขัด หากแต่จะมีสักครั้งหรือไม่...ที่เราจะถามถึงความหวาดระแวงของพวกเขาเหล่านั้นที่พยายามใช้ชีวิตอยู่อย่างปกติกับความไม่ปกติที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ คำถาม คือ ...หากคุณรู้สึกได้ถึงการสูญเสียและสิ้นหวังที่กำลังจะเกิดขึ้นอีก คุณ...คุณทั้งหลาย เริ่มที่จะทำอะไร ?... ปฏิบัติการเพื่อสันติภาพ “ดับไฟใต้” หนึ่งในโครงการที่สร้างความหวังครั้งใหม่ ให้ความช่วยเหลือ และคอยเคียงข้างพุทธบุตรในที่แห่งนั้น เราคาดหวังในความอบอุ่นที่ท่านจะได้จากการเป็นผู้ให้และรับในทุกเวลาที่ท่านทั้งหลายกำลังสิ้นหวัง เพื่อให้ท่านทั้งหลายต่อสู้กับความท้อแท้และร่วมสร้างความหวังให้กับผู้คนที่อยู่ใกล้เคียง เราขอเป็นส่วนหนึ่งในทุกๆความหวังที่ท่านพึงจะมี

พุทธบุตรต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว

เมื่อปีพุทธศักราช 2547 เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในจังหวัดนราธิวาส ยะลา และปัตตานี สถานการณ์ได้ทวีความรุนแรงขึ้น จนเป็นเหตุให้พระภิกษุสงฆ์ได้รับอันตราย และมีความยากลำบากในการประกอบกิจของสงฆ์ จนบางวัดต้องประกาศงดออกบิณฑบาต เมื่อไม่สามารถบำเพ็ญสมณกิจได้ตามปกติ ย่อมส่งผลกระทบอย่างมากต่อขวัญและกำลังใจของพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ รวมทั้งครู, เจ้าหน้าที่ผู้หยัดสู้รักษาดินแดนของชาติไทย การร่วมใจของชาวพุทธเพื่อส่งกำลังใจและปัจจัย เครื่องอุปโภคบริโภค ไปให้ความช่วยเหลือจนกว่าเหตุการณ์จะสงบ ถือเป็นพลังสำคัญส่วนหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาและสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้น

“โครงการช่วยเหลือพุทธบุตร 238 วัด จังหวัดภาคใต้” ได้เกิดขึ้นในปี พ.ศ.2548 ตามดำริของพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และประธานมูลนิธิธรรมกาย โดยจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2548 ณ วัดมุจลินทวาปีวิหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี โดยพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) ได้มอบหมายให้ พระครูปลัดภูเบศ ฌาณาภิญโญ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย พร้อมด้วยคณะพระภิกษุจากชมรมพระกัลยาณมิตรทั่วประเทศ นำปัจจัยไทยธรรมไปถวายแด่คณะสงฆ์ในพื้นที่ การจัดงานในครั้งแรกๆ หลายฝ่ายคิดว่า คงเป็นเพียงการให้ความช่วยเหลืออย่างฉาบฉวยชั่วครั้งชั่วคราว ข่าวที่เสนอผ่านสื่อก็มาจากข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ทำให้พระสงฆ์และชาวพุทธส่วนใหญ่ในพื้นที่ยังเฉยๆกับการช่วยเหลือ เพราะคิดว่าไม่น่าจะนาน จนเมื่อมีการจัดงานต่อเนื่องมาเป็นประจำทุกเดือน จึงเป็นที่ประจักษ์ในความตั้งใจจริงของวัดพระธรรมกายและมูลนิธิธรรมกาย ถึงความพร้อมที่จะหยัดสู้เคียงข้างพุทธบุตรและชาวพุทธในพื้นที่อย่างมั่นคงแน่วแน่

เมื่อการจัดงานผ่านพ้นไปแล้ว 4 ครั้ง พบว่ายังมีอีก 2 อำเภอ ในจังหวัดสงขลา คือ อำเภอเทพา และอำเภอสะบ้าย้อย ที่คณะสงฆ์ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นมากเช่นกัน จึงได้มีการผนวก 2 อำเภอนี้ให้เข้ามาร่วมโครงการด้วย จวบจนปัจจุบันที่โครงการดำเนินมาครบรอบ 10 ปี มีวัดเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นเป็น 323 วัด ปัจจุบันจึงเป็น “พิธีถวายสังฆทาน 323 วัด และพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้วายชนม์ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้” ถือเป็น 10 ปีแห่งการหยัดสู้ที่ก่อให้เกิดคุณูปการต่อการักษาแสงธรรมไม่ให้ดับสูญไปจากดินแดนภาคใต้ พ้อมกับสร้างขวัญและกำลังใจของพุทธศาสนิกชนในพื้นที่ให้เข็มแข็งขึ้น

10 ปีแล้ว ที่วัดพระธรรมกายและมูลนิธิธรรมกาย ได้ดำเนินการส่งมอบความช่วยเหลือทั้งปัจจัย ไทยธรรม เครื่องอุปโภคบริโภค อย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกเดือน เพื่อหยัดสู้เคียงข้างพุทธบุตร 323 วัด 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ด้วยยึดมั่นในปณิธานอันแน่วแน่ที่ว่า “เราจะไม่ยอมให้แสงธรรมดับหายไปจาก 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้” ทำให้แสงสว่างแห่งพุทธธรรมยังคงเปล่งฉายอย่างเจิดจ้า ผลที่เกิดขึ้นไม่เพียงเป็นกำลังใจให้พุทธบุตรผู้หาญกล้าได้หยัดสู้เพื่อเป็นแสงสว่างนำทางแก่สาธุชน แต่ยังสร้างความรู้สึกอบอุ่นใจให้แก่พุทธศาสนิกชนในพื้นที่ถึงความห่วงใยที่เขาเหล่านั้นได้รับจากชาวไทยและชาวพุทธทั่วโลก นับเนื่องมาถึงครั้งล่าสุดที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 100 เมื่อวันจันทร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2557 ณ วัดพุทธภูมิ อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา ความช่วยเหลือคิดเป็นมูลค่ารวมแล้วกว่า 200 ล้านบาท การส่งมอบความช่วยเหลือยังคงมีต่อไปจนกว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะยุติลง

จากปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง ซึ่งรวมทั้งคณะครูผู้ให้แสงสว่างทางการศึกษาแก่นักเรียน พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) ยังได้จัดตั้ง “กองทุนหนุนแรงใจช่วยครูใต้” เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ครูผู้หยัดสู้ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เหล่านี้ โดยจัดให้มีพิธีมอบกองทุนครั้งแรกเมื่อวันเสาร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ.2551 ณ หอประชุมโรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา การส่งมอบกองทุนได้จัดต่อเนื่องทุกเดือนมาจนถึงปัจจุบันซึ่งเป็นครั้งที่ 64 โดยมอบไปแล้ว 30,000 กว่ากองทุน เป็นเงินกว่า 60 ล้านบาท พลังแห่งธารน้ำใจจะยังคงหลั่งไหลสู่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไม่ขาดสาย “พุทธบริษัท 4 ต้องเป็นหนึ่งเดียว เหมือนตะวันที่มีดวงเดียว” ตราบที่คนพุทธไม่ทอดทิ้งกัน ตราบนั้นพระพุทธศาสนาจะดำรงตั้งมั่น ณ ดินแดนด้ามขวานทองแห่งนี้ต่อไปอีกตราบนานเท่านาน

ผลบุญเป็นของทุกท่าน ผลงานเป็นของทุกคน

โครงการตักบาตรพระ 2 ล้านรูป 77 จังหวัดทุกวัดทั่วไทย เกิดขึ้นเป็นผลสืบเนื่องมาจากความห่วงใยของพุทธบริษัท 4 ทั้งแผ่นดิน ในปัญหาความไม่สงบของสถานการณ์ชายแดนภาคใต้ โดยวัดพระธรรมกายและมูลนิธิธรรมกาย พร้อมด้วยคณะสงฆ์ทั้งแผ่นดิน องค์กรภาคีทั้งภาครัฐและเอกชน ได้นำข้าวสารอาหารแห้งที่ได้รับจากโครงการ ไปมอบให้แด่พระภิกษุสงฆ์ ทหาร ตำรวจ ครู นักเรียน และประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นประจำทุกเดือนต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 6 ปีแล้ว และในช่วงน้ำท่วมใหญ่ ปี พ.ศ.2554 ยังได้นำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้วย คิดเป็นน้ำหนักรวมกว่า 4,450 ตัน

สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการตักบาตรฯได้ที่ 02-831-1000 หรือเข้าชมภาพกิจกรรมได้ที่ www.dmc.tv

โอวาท พระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และประธานมูลนิธิธรรมกาย

พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย)

“ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ ก็จะต้องรักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้ ในเมื่อพุทธบุตรหยัดสู้อยู่ที่ตรงนั้น เราต้องอยู่เคียงข้างท่าน และแทนที่จะออกจากพื้นที่ ควรที่จะชวนหมู่ญาติที่อยู่นอกพื้นที่ให้กลับเข้าไปอยู่พื้นที่ตรงนั้น ถึงจะถูกหลักวิชชา เพราะในอดีตพี่น้องผองไทยแม้จะต่างความเชื่อ ต่างวัฒนธรรม ก็อยู่ร่วมกันมาได้อย่างสันติสุข เพิ่งไม่นานมานี้เองที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ที่ผ่านมาชาวพุทธได้ให้โอกาสเพื่อนต่างศาสนิกที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทย ไม่ว่าจะนับถือศาสนา หรือความเชื่อใดๆ ให้ได้รับความอุ่นใจและได้รับความสะดวกสบาย ในการที่จะนับถือความเชื่อและศาสนาของตน เพื่อเดินทางไปสู่สันติสุข เพื่อทำความบริสุทธิ์ กาย วาจา ใจ ตามความเชื่อของตนเอง ชาวพุทธได้ให้โอกาสอย่างนี้มาตลอด ลองศึกษาดูก็ได้จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ชาวไทยพุทธอยู่บนผืนแผ่นดินนี้มานาน เพราะพระพุทธศาสนาเกิดก่อนความเชื่อใดๆมานานทีเดียว...

...ลำพังเพียงหมู่คณะวัดพระธรรมกายคงทำได้แค่ระดับหนึ่ง เดือนหนึ่งเราทำได้เพียงครั้งเดียว แต่จริงๆแล้ว อยากทำทุกวัน เพราะทราบดีว่า พุทธบุตรทุกรูปต้องขบฉันทุกวัน และยังมีความจำเป็นหลายๆอย่างในการที่ต้องอยู่ตรงนั้น เพราะฉะนั้น ที่เราทำเป็นการทำเพื่อแสวงบุญ ทำด้วยความรักพระพุทธศาสนา และเทิดทูนพุทธบุตรที่ปกปักรักษาพระพุทธศาสนาโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน...”

พิธีถวายสังฆทานแด่คณะสงฆ์ 323 วัด 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องจากดำริของพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และประธานมูลนิธิธรรมกาย ที่ได้ริเริ่มเชิญชวนให้พุทธบริษัท 4 ทั่วประเทศและทั่วโลก มาร่วมกันถวายปัจจัยและไทยธรรมแด่วัดทุกวัดใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดปัญหาความไม่สงบขึ้น พิธีดังกล่าวจัดขึ้นในพื้นที่เป็นหลัก โดยได้รับความเมตตาจากพระเถรานุเถระ พระสังฆาธิการ และได้รับเกียรติจากข้าราชการระดับสูงหรือผู้นำชุมชนที่มีบทบาทสำคัญในพื้นที่ มาร่วมเป็นประธานในพิธี กิจกรรมหลักๆมีทั้งการถวายปัจจัยไทยธรรมแด่คณะสงฆ์ การเสวนาธรรมเพื่อถวายกำลังใจแด่คณะสงฆ์ การอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้วายชนม์ในเหตุการณ์ความไม่สงบ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พิธีมอบสิ่งของเพื่อเป็นกำลังใจให้แก่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงภัย และในบางช่วงที่เกิดภัยพิบัติขึ้นในภาคใต้ มูลนิธิธรรมกายและคณะกัลยาณมิตรก็ได้นำเครื่องอุปโภคบริโภคไปช่วยเหลือแก่วัดและพี่น้องประชาชนใน 8 จังหวัดภาคใต้ตอนล่างด้วย

นับตั้งแต่พิธีถวายสังฆทานฯ ครั้งที่ 32 เป็นต้นมา ยังได้มีการมอบกองทุนหนุนแรงใจช่วยครูใต้ ตามดำริของพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) ที่ได้ตระหนักถึงความสำคัญของครูในฐานะผู้ให้แสงสว่างแห่งดวงปัญญา ผู้สร้างทรัพยากรบุคคลคุณภาพที่จะนำมาซึ่งความเจริญก้าวหน้าให้แก่ประเทศชาติในอนาคต โดยการมอบทุนดังกล่าว ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องสืบมาจนปัจจุบัน

การจัดพิธีถวายสังฆทานฯ นอกจากจะจัดขึ้นที่วัดและสถานที่ต่างๆที่กำหนดขึ้นในพื้นที่แล้ว ในโอกาสสำคัญๆ เช่น “วันคุ้มครองโลก 22 เมษา” ก็จะจัดที่วัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี โดยนิมนต์พระสงฆ์จากทั่วประเทศ 30,000 กว่าวัด มารับถวายมหาสังฆทานครั้งยิ่งใหญ่ รวมถึงพุทธบุตร 323 วัด ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย อีกวันหนึ่ง คือ “วันสมาธิโลก” ซึ่งพระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) จัดให้มีพิธีมุทิตาสักการะพระภิกษุ – สามเณร ผู้สอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค และพิธีถวายทุนการศึกษาให้กับสำนักเรียนบาลีดีเด่น รวมถึงการนิมนต์คณะสงฆ์จากทั่วประเทศเพื่อรับถวายปัจจัยไทยธรรมเป็นสังฆทาน และเป็นโอกาสที่คณะสงฆ์ได้มาพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลการพัฒนางานพระพุทธศาสนา นอกจากนี้ ก็มีการมอบกองทุนหนุนแรงใจช่วยครูใต้ ที่ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องในงานดังกล่าวด้วย

พระครูปลัดภูเบศ ฌาณาภิญโญ

พระครูปลัดภูเบศ ฌาณาภิญโญ (ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย)

“...10 ปีที่ผ่านมา เราทำกิจกรรมมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มด้วยการถวายสังฆทานและมีพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้วายชนม์ ซึ่งก็น่าเป็นห่วงว่ามีมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นทุกเดือนก็ส่งอาหารแห้งไปถวายให้พระ เพื่อมอบให้กับทหาร ครู อาจารย์ นักเรียน และชาวบ้านในพื้นที่ แล้วยังได้มอบกองทุนหนุนแรงใจช่วยครูใต้ เพื่อให้ครูมีขวัญกำลังใจ ไม่ท้อที่จะร่วมหยัดสู้อยู่ในพื้นที่ ถึงวันนี้ได้มอบทุนช่วยครูใต้ไปแล้วกว่า 30,000 กองทุน เราคิดว่าต้องปลุกชาวพุทธทั้งแผ่นดินให้ตื่นขึ้น ให้ชาวพุทธทั่วประเทศรู้ว่าเรามีกิจกรรมนี้ เราเอาเสบียงไปช่วย หนึ่งเดือนไปเจอกันครั้งหนึ่ง โดยมีพระทั้ง 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาเจอหน้ากัน มาให้กำลังใจกัน ให้เกิดความอบอุ่นใจว่าท่านไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว ให้มีพลังที่จะหยัดสู้เพื่อรักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้ พอพระอยู่ได้ชาวพุทธก็อยู่ได้ ไม่หนีออกจากพื้นที่ เป็นการเอื้อซึ่งกันและกัน...

...พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย ท่านก็ตั้งใจที่จะทำกิจกรรมนี้ต่อเนื่องไปจนกว่าสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้จะสงบ และอยากให้พระสงฆ์และชาวพุทธสมัครสมานสามัคคีกัน ในช่วงต่อไปท่านก็อยากให้มีพระในพื้นที่มากขึ้น โดยจะทำโครงการบวชพระ เพื่อให้พระในพื้นที่เป็นพระลูกพระหลาน เพิ่มจำนวนพระในแต่ละจังหวัดให้มากขึ้น ให้เข้ามาช่วยกันรักษาพระพุทธศาสนาในพื้นที่เอาไว้ ในส่วนของชาวบ้านก็จะทำโครงการส่งเสริมการสวดมนต์ในวัด หรือรวมกลุ่มสวดมนต์กันเองที่บ้าน อยากให้เกิดการรวมกลุ่มกันให้กำลังใจซึ่งกันและกัน โยมให้กำลังใจพระ พระให้กำลังใจโยม มาทำศาสนกิจปฏิบัติธรรมร่วมกัน และให้ครูพุทธในพื้นที่มาร่วมดูแลเด็กและชาวบ้าน ประสานความร่วมมือกันทั้งพระ ครู ชาวบ้าน และรวมทั้งทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่ ซึ่งที่ผ่านมาก็ปฏิบัติหน้าที่ให้ความสะดวก ดูแลความปลอดภัยเป็นอย่างดีมาโดยตลอด นอกจากนี้ ก็มีความรู้สึกประทับใจ เจ้าคณะพระสังฆาธิการ และคณะสงฆ์ที่ให้ความเมตตามาร่วมในกิจกรรมที่จัดขึ้นมิได้ขาด รวมทั้งภาครัฐ ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ศอ.บต. แม่ทัพภาคที่ 4 ที่ให้การสนับสนุนการจัดงาน และมาร่วมงานเป็นประจำทุกครั้ง...

...จากนี้ไปก็อยากให้หน่วยงานต่างๆมาช่วยกันเยอะๆ หลวงพ่อธัมมชโยเคยกล่าวว่า 1 เดือน มี 30 วัน วัดพระธรรมกายรับบุญ 1 วัน อีก 29 วัน องค์กรชาวพุทธทั้งหลายน่าจะมาร่วมกันช่วยภาคใต้ด้วย เพื่อความสามัคคีของชาวพุทธ เหมือนคำที่ว่า พุทธบุตรต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว และ พุทธบริษัท 4 ต้องเป็นหนึ่งเดียว เหมือนตะวันที่มีดวงเดียว...”

เปิดใจข้าราชการของแผ่นดิน

 

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง

เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)

“...รู้สึกปลาบปลื้มใจที่ได้มาร่วมทำบุญซึ่งเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณคณะผู้จัดซึ่งประกอบด้วยหลายภาคส่วน รวมถึงทางวัดพระธรรมกายที่ได้รวมพระภิกษุสงฆ์ ทำให้ประชาชนเกิดความมั่นใจและมีความรู้สึกที่ปลาบปลื้ม และถ้าเราได้ทำกิจกรรมนี้บ่อยๆ จะทำให้พี่น้องเกิดความรักสามัคคีกัน และนำไปสู่สันติสุข...”

 

นพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์

ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

“...ผมถือว่าเป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่ คงไม่มีผู้ใดที่คิดริเริ่มและกล้าที่จะทำและเสียสละลงทุนทำอย่างต่อเนื่อง ต้องถือว่าเป็นการเสียสละและเป็นแบบอย่างที่ดี ต้นแบบนี้ได้ทำให้เกิดการพัฒนาและมีการสานต่อมากขึ้น ผมขอยกตัวอย่างที่มีการสนับสนุนงบประมาณให้แก่วัดในพื้นที่จนทำให้ในขณะนี้ภาครัฐเองก็ได้เห็นความสำคัญ และนำมาใช้ในการปรับปรุงเกี่ยวกับวิธีการที่จะเข้ามาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในพื้นที่ ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางหนึ่งที่ทางวัดพระธรรมกายได้ดำริริเริ่มไว้ ทำให้ต้องมีการสานต่อ...”

เปิดใจพุทธบุตรผู้หยัดสู้

พระครูสถิตถีรธรรม

เจ้าอาวาสวัดยะหาประชาราม จังหวัดยะลา

“...กระผมไม่ลืมพระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุนี ท่านเป็นผู้ริเริ่มและกระทำมาตลอด ตอนแรกคณะสงฆ์คิดว่าท่านจะสู้ได้ไหม แต่พอมาถึงวันนี้ ท่านสู้ได้สำเร็จ เป็นกำลังใจให้แก่พวกเราได้มาก เป็นที่พึ่ง เป็นเนื้อนาบุญของชาวโลกทั่วโลกที่นับถือพระพุทธศาสนา ขออนุโมทนา ขอกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณเป็นอย่างสูง และขอให้พระเดชพระคุณมีสุขภาพแข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพุทธบริษัททั่วโลกตลอดไป...”

 

พระครูอุดมธรรมาทร

เจ้าอาวาสวัดปิยาราม เจ้าคณะอำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี

“...โครงการนี้มีส่วนช่วยสร้างกำลังใจให้กับพระ เจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ ครู และชาวบ้าน อย่างน้อยก็ทำให้เรารู้สึกว่า เราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว เรามีที่ยืนแล้ว จะมีคนมาช่วยเหลือเรา อาตมาทราบถึงวัตถุประสงค์ของโครงการที่บอกว่า จะจัดตลอดต่อเนื่องจนเหตุการณ์ภาคใต้จะสงบ ก็คิดว่าถ้าจริงก็ดี จนถึงปัจจุบันนี้ก็ 10 ปีแล้ว ข้าวของที่ส่งมาให้ ถึงมืออาตมานะ อยากบอกญาติโยมที่ทำบุญมาว่า โยมได้บุญแน่นอน...”

เปิดใจคนในพื้นที่

 

เดชรัฐ สิมศิริ

ผู้ว่าราชาการจังหวัดยะลา

“...การที่วัดพระธรรมกายซึ่งเปรียบเสมือนกับตัวแทนของคนในภูมิภาคอื่นๆของประเทศไทย มาร่วมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับไปแล้ว และทำบุญเพื่อให้เกิดสันติสุขสันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือว่าเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชนที่อยู่ที่นี่ การร่วมไม้ร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง ทำมา 10 ปี 100 ครั้ง ไม่ใช่เรื่องง่ายและแสดงถึงความตั้งใจที่แน่วแน่ ผมก็ต้องขออนุโมทนาบุญด้วย...”

 

สิทธิชัย ศักดา

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส

“...วัดพระธรรมกายได้มาเติมเต็ม มาจุดประกาย ก่อให้เกิดขวัญและกำลังใจแก่พุทธศาสนิกชนและพระที่อยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ช่วยให้แต่ละคนที่ลงมาปฏิบัติงานนั้นเกิดพลังที่จะดูแลผืนแผ่นดินตรงนี้ไว้ให้ดีที่สุด ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านที่ได้ช่วยกันบริจาคทรัพย์มาช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง และก็ขอยืนยันว่าสิ่งที่ท่านได้บริจาคมานั้นถึงมือคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้แน่นอน...”

 

วีรวัฒน์ แจ้งศิริ

ผู้อำนวยการสำนักงานการศึกษาเอกชน จังหวัดสงขลา

“...การที่หลวงพ่อท่านได้ให้มีการสงเคราะห์ในเรื่องถวายสังฆทาน และมอบทุนให้คุณครูด้วยส่วนหนึ่ง ก็เป็นการร่วมด้วยช่วยกันทั้ง 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายพระ ฝ่ายพี่น้องประชาชน และคุณครู ที่ผนวกผนึกกำลังให้เกิดความรักความศรัทธาพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกำลังใจนี้ โดยเอาพระพุทธศาสนาเป็นตัวตั้ง ทำให้เกิดขวัญและกำลังใจที่จะให้ทุกฝ่ายต่อสู้ยืนหยัดในพื้นที่เพื่อรักษาผืนแผ่นดินของเรานี้โดยไม่หนีย้ายไปไหน..”

 

เชษฐ์ชาณัฏฐ์ ลิ่มกาญจนา

ประธานชมรมตระกูลลิ้ม

“...โครงการนี้ถ้าคิดเป็นมูลค่าที่หลวงพ่อได้สนับสนุนงบประมาณช่วยคนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มา ก็มากมายทีเดียว แต่ที่เหนือไปกว่านั้น คือ ความยั่งยืนที่ท่านทำต่อเนื่องมาจนครบ 10 ปีแล้ว และที่ยะลาก็เป็นครั้งที่ 100 พอดี ผมก็อยากเชิญชวนพี่น้องประชาชนให้มาร่วมแรงร่วมใจกันเป็นปึกแผ่น ในการสร้างบุญสร้างทานบารมีกันให้พระพุทธศาสนาและประชาชนในพื้นที่ยืนหยัดอยู่ได้ และให้ความสงบเช่นในอดีตกลับคืนมาโดยเร็ว...”

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “บุคคลพึงสละทรัพย์ เพื่อรักษาอวัยวะ พึงสละอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต พึงสละชีวิต เพื่อรักษาธรรม” ทรัพย์ที่พุทธบริษัท 4 ได้ร่วมบุญกับพุทธบุตร 4 จังหวัดภาคใต้นั้น ถือได้ว่าเป็นเพียงเศษเสี้ยวอันน้อยนิด เมื่อเทียบกับภารกิจอันยิ่งใหญ่ของพุทธบุตรที่ยอมสละแม้ชีวิตเพื่อรักษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ เราทุกคนต้องไม่ปล่อยให้ท่านหยัดสู้อย่างโดดเดี่ยว การร่วมสนับสนุนปัจจัยไทยธรรมแก่สมณบริโภค เพื่อให้ทุกรูปบำเพ็ญสมณธรรมได้อย่างสะดวก เท่ากับว่า เราทุกคนได้มีส่วนร่วมในการรักษาพระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอันบังเกิดขึ้นได้ยากให้คงอยู่คู่โลก เป็นแสงสว่างในการดำเนินชีวิตแก่มวลมนุษยชาติตลอดไป

พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ได้เคยแสดงธรรมเทศนาไว้ความตอนหนึ่งว่า “ศาสนาพุทธนี้อยู่ได้ด้วยการให้ ถ้าเลิกให้เสียเดือนหนึ่ง ข้าวปลาอาหารไม่ให้กันล่ะ หยุดกันหมดทั้งประเทศ ทุกบ้านทุกเรือนไม่ให้กันล่ะ ศาสนาดับ พระ – เณรสึกหมด หายหมด ไม่เหลือเลย ถ้าปราศจากการให้อย่างนี้แล้ว เจริญรุ่งเรืองอยู่ไม่ได้ เมื่อให้ความเจริญแก่พระพุทธศาสนาแล้ว ความเจริญก็หันเข้าสู่ตัว”

เพื่อรักษาพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่คู่กับผืนแผ่นดินไทยต่อไป ถึงเวลาแล้วที่พุทธบริษัท 4 ต้องหลอมรวมใจเป็นหนึ่งเดียว เหมือนตะวันที่มีดวงเดียว เพื่อช่วยเหลือพุทธบุตรทั้ง 323 วัด 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ท่านมีกำลังใจในการหยัดสู้เพื่อรักษาแสงธรรมให้ส่องสว่างเจิดจ้า เป็นหน้าที่ของพุทธศาสนิกชน ชาวพุทธทุกคนต้องไม่นิ่งดูดายหรือวางอุเบกขาในเรื่องความเป็นความตายของพระพุทธศาสนา ต้องร่วมกันรับผิดชอบแก้ไขปัญหา และร่วมมีส่วนสร้างสันติภาพและสันติสุขให้เกิดในดินแดน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พุทธบริษัท 4 ทั่วโลกพึงพร้อมใจกันร่วมสละทรัพย์ส่งความช่วยเหลือไปถึงวีรบุรุษแห่งกองทัพธรรมทั้ง 323 วัด 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่กำลังบำเพ็ญปรมัตถบารมี เอาชีวิตเป็นเดิมพันในการรักษาพระพุทธศาสนาเอาไว้ให้ได้

บทความอื่นๆในหมวดนี้