วันสมาธิโลก :: Dhammakaya Foundation & Wat Phra Dhammakaya : World Peace through Inner Peace using Meditation Practice  

 

วันสมาธิโลก

วันสมาธิโลก ๖ สิงหาคม ๒๕๔๘

อาจกล่าวได้ว่า ภัยที่ร้ายแรงที่สุดของมนุษยชาติก็คือ “ สงคราม ” ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์เป็นผู้ก่อขึ้นมาเอง และตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของโลกนี้ ก็ยังไม่เคยมียุคใดว่างเว้นจากสงครามอย่างเด็ดขาดได้เลย คำว่า “ สันติภาพ ” จึงเป็นสิ่งที่ชาวโลกพากันแสวงหามาโดยตลอด วันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๘ ได้มีการนำระเบิดปรมาณู ที่มีอานุภาพร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ไปปล่อยลงที่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น เหตุการณ์อันเจ็บปวดจากสงครามโลกครั้งที่ ๒ นี้ทำให้ชาวโลกตระหนักถึงภัยอันใหญ่หลวงของสงคราม จึงได้พยายามร่วมมือกันจัดตั้งองค์กรกลางขึ้นมาเพื่อรักษาสันติภาพให้แก่ประชาคมโลกนั่นคือ องค์การสหประชาชาติ ในการประชุมขององค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (ยพสล.) ปี พ.ศ. ๒๕๓๑ ได้เห็นความสำคัญของการทำสมาธิ ทั้งนี้เพราะการทำสมาธิแม้จะเป็นธรรมปฏิบัติในพระพุทธศาสนา แต่ก็เป็นของสากลที่ศาสนิกชนอื่นก็สามารถปฏิบัติได้ ดังนั้น ยพสล. จึงกำหนดเอาวันที่ ๖ สิงหาคม เป็นวันสมาธิโลก เพื่อเป็นวันรวมใจของชาวพุทธ และชาวโลกทั้งหลายมานั่งสมาธิ เพื่อให้เป็นมรณะสติเตือนใจ และมุ่งที่จะให้เกิดสันติภาพของโลกที่แท้จริงและยั่งยืน โอวาทพระราชภาวนาวิสุทธิ์ เนื่องในวันสมาธิโลก ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ วันนี้เป็นวันดีที่สุดวันหนึ่งในชีวิตของพวกเราทุกๆ คน ที่เราได้สละเวลาอันมีค่ามาแสวงหาหนทางของพระนิพพาน เราได้วางภารกิจต่างๆ เดินทางมาจากทั่วประเทศ ทั้งที่อยู่ไกลและอยู่ใกล้ บางท่านก็เดินทางมาจากต่างประเทศ เพื่อมาประพฤติปฏิบัติธรรมร่วมกัน มาสร้างสันติสุข สันติภาพให้เกิดขึ้นแก่โลก โดยเฉพาะวันที่ ๖ สิงหาคม เป็นวันสมาธิโลก คือ ทั่วโลกนานาชาติ นานาประเทศเขากำหนดเอาว่าวันนี้เป็นวันสมาธิโลก ชาวโลกทุกคนไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใดต่างก็รวมกันเพื่อทำสมาธิให้บังเกิดขึ้นในใจ หรืออาจกล่าวได้ว่าวันนี้เป็นวันสันติภาพของโลก ซึ่งสันติภาพของโลกจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ มนุษย์ทุกคนในโลกได้เข้าถึงสันติสุขภายใน สันติสุขภายในที่แท้จริงจะเกิดขึ้นเมื่อใจหยุดนิ่งตั้งมั่นเป็นสมาธิ หยุดนิ่งสนิทอยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ดังนั้น การเจริญสมาธิภาวนาจึงเป็นจุดเชื่อมโยงที่จะทำให้เกิดสันติภาพของโลกอย่างแท้จริง พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ผู้ฉลาดในการเจริญสมาธิภาวนา มีสติตั้งมั่น มีจิตบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว พึงบรรลุนิรามิสสุข เสวยรสแห่งธรรมที่น้อมไปเพื่ออาสวักขยญาณทำให้จิตหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้น ก็มีญาณยังรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว ผู้นั้นย่อมถูกต้องญาณอันเป็นเครื่องตรัสรู้อย่างยอดเยี่ยมในอัตภาพนี้ ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้ เพราะว่าการเจริญสมาธิภาวนาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต อาจจะถือว่าเป็นทั้งหมดของชีวิตทีเดียว และเป็นสิ่งที่จะทำให้เราได้บรรลุเป้าหมายอันสูงสุดของชีวิตคืออายตนนิพพาน ดังนั้น ผู้รู้ ผู้มีปัญญาทั้งหลายก็จะใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตเพื่อการเจริญภาวนา ฝึกฝนอบรมใจให้หยุดนิ่งเพราะรู้คุณค่าของเวลาจึงสงวนเวลาทุกอณุวินาทีเอาไว้สำหรับการฝึกใจ มีสติตั้งมั่นไม่หวั่นไหวไปกับโลกธรรม 8 คือมีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ มีสรรเสริญ มีนินทา มีสุข มีทุกข์ เพราะสิ่งเล่านี้เป็นธรรมประจำโลก ที่บัณฑิตนักปราชญ์เห็นว่า เป็นเรื่องปกติธรรมดา มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วก็ดับไป มีความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ใช่สาระที่แท้จริงของชีวิต จะมุ่งแสวงหาสาระหรือของจริงที่มีอยู่ภายในคือพระธรรมกาย พระธรรมกายมีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุก ๆ คนในโลกไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนา หรือเผ่าพันธุ์ใด จะเป็นใครก็แล้วแต่ จะมีความเชื่ออย่างไร นับถือศาสนาอะไรก็ตามล้วนมีธรรมกายทั้งสิ้น เมื่อทุกๆ คน ทุกชาติ ทุกภาษา ฝึกใจให้หยุดนิ่งอย่างถูกวิธีในตำแหน่งที่ถูกต้องคือ ที่ ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ เหมือน ๆ กัน เมื่อใจหยุดแล้วก็สามารถเข้าถึงพระธรรมกายได้ เมื่อเข้าถึงพระธรรมกายแล้วความเป็นนิจจัง เป็นสุขัง เป็นอัตตา จะเกิดขึ้น จะเป็นอิสระจากกิเลสอาสวะ เป็นสุขล้วน ๆ มีความสุขได้ด้วยตัวของตัวเอง เป็นนิรามิสสุข คือสุขที่ไม่เจือไปด้วยอามิส ไม่ต้องอาศัยวัตถุสิ่งของภายนอก ซึ่งผู้ที่ฉลาดหรือนักสร้างบารมีต้องแสวงหาความสุขอย่างนี้ แสวงหาความสุขที่เกิดจากการเข้าถึงธรรม สุขที่เกิดจากใจหยุดใจนิ่ง เพราะความสุขชนิดนี้เยี่ยมกว่าความสุขทั้งหลาย พระผู้มีพระภาคเจ้าท่านถึงได้ตรัสว่า นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุข สุขอื่นนอกจากใจหยุดนิ่งแล้วไม่มี เป็นรสแห่งความสุขรสแห่งธรรมที่ชนะรสทั้งปวง แล้วยังเป็นวิมุตติสุขที่จะนำไปสู่อายตนนิพพาน เป็นรสแห่งธรรมที่น้อมไปเพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะ ความสุขนี้เป็นรากฐานของชีวิต และเป็นสุดยอดแห่งความปรารถนาของมวลมนุษยชาติ ที่เราเกิดกันมาแต่ละภพแต่ละชาตินั้นก็เพื่อแสวงหาทางพ้นทุกข์ให้เข้าถึงความสุขที่แท้จริง ให้เข้าถึงสิ่งที่คงที่ที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ซึ่งสิ่งเหล่านี้รวมประชุมอยู่ในธรรมกายทั้งหมด ฉะนั้นการเข้าถึงธรรมกายจะทำให้ชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขสดชื่นเบิกบานอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ความคิดคำพูดและการกระทำก็จะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จะเกิดปัญญาบริสุทธิ์สามารถขจัดปัญหาต่าง ๆ ให้หมดสิ้นไปได้ความบริสุทธิ์ ความผ่องแผ้วของจิตก็จะเกิดขึ้น สิ่งที่เป็นมลทินทั้งหลายก็จะหมดไป มหากรุณาก็จะเกิดขึ้น มีความปรารถนาดีซึ่งกันและกัน ปรารถนาให้ทุก ๆ คนในโลกได้เข้าถึงพระธรรมกาย ปรารถนาให้ทุกคนในโลกมีความบริสุทธิ์ ปรารถนาให้ทุกคนในโลกมีความสุข สดชื่น เบิกบานอย่างไม่มีวันสิ้นสุด เพราะฉะนั้นวันสมาธิโลกของเราวันนี้ หากทุกคนในโลกนำใจมาหยุดอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องในที่เดียวกันพร้อมๆ กัน และได้เข้าถึงพระธรรมกายที่เป็นนิจจัง สุขัง อัตตาแล้วสันติสุขที่แท้จริง สันติภาพที่แท้จริงของโลกก็จะบังเกิดขึ้นได้ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่เหลือวิสัย ไม่ใช่สิ่งเพื่อผัน แต่ว่าสิ่งที่เป็นไปได้ถ้าทุกคนรู้ว่าเรามีของดีอยู่ในตัว และเริ่มต้นในตำแหน่งที่ถูกต้องคือฐานที่ ๗ แล้วก็ลงมือปฏิบัติกันอย่างจริงจัง ทำอย่างต่อเนื่องให้ถูกวิธี ถ้าเราร่วมมือร่วมใจกันอย่างนี้ทั้งโลก โลกก็จะพลิกจากมืดมาสว่าง จากที่เป็นมลทินก็มาเป็นความบริสุทธิ์จากความเห็นแก่ตัวก็จะมาเป็นการแบ่งปัน มีความรัก มีรอยยิ้มให้กัน มีความเอื้ออาทรต่อกัน ความคิดเบียดเบียนผูกโกรธ พยาบาทก็จะหมดสิ้นไป ตรงกันข้ามจะมีแต่ความเมตตา ปรารถนาดี มีการให้อภัย เสียสละ แบ่งปันซึ่งกันและกัน มีแต่ความบริสุทธิ์ มีแต่ความสุขเป็นโลกแห่งสันติสุขที่ใคร ๆ ก็ปรารถนากันมายาวนาน

บทความอื่นๆในหมวดนี้